หลังจากตัวเมียผสมกับตัวผู้เสร็จแล้วจะมีวุ้นติดอยู่ที่ท้องตัวเมียแบบรูปที่ 1..
หลังผสมตัวเมี ยแล้วไม่เกิน 24 ชั่วโมง ตัวเมียจะนอนหงายถึงเวลาขับไข่ อาจะใช้เวลา 4-5 ชั่วโมงจนแล้วเสร็จ.. มาถึงจุดนี้ ส่วนตัวจะไม่แยกตัวเมียหรือตัวผู้ออก หมายถึงคือ 7-10 วันหลังตัวเมียขับไข่ ช่วงนี้ห้ามยุ่ง ห้ามส่อง สัญชาตยานของตัวผู้ จะป้องกัน และระวังภัยให้ตัวเมียในระหว่างการขับไข่อยู่ตลอดเวลา หลังจากที่ตัวเมียขับไข่เสร็จ ตัวเมียก็จะหาที่หลบไม่ออกมาอยู่ข้างนอก และกินอาหารน้อยลง ช่วงระยะเวลาเลย 10 วันแล้ว
ถึงขึ้นตอนการแยกตัวเมียลงตะกร้า แยกโดยทำการย้ายตัวเมีย
ค่อยๆต้อนให้ตัวเมียเข้าตะกร้าการทำแบบนี้ต้องทำใต้น้ำเท่านั้น
หรือใช้แก้วน้ำครอบที่หลบซึ่งในนั้นมีแม่ไข่อยู่
โดยให้ครอบพร้อมกับน้ำในบ่อเลย
ไม่ควรยกตัวแม่ไข่ขึ้นเหนือน้ำให้สัมผัสกับอากาศเด็ดขาด
เพราะอุณหภูมิจะสวิงไม่คงที่มีโอกาศสลัดไข่สูง
ควรใช้วิธีการทำใต้น้ำดีที่สุดคับ
หรืออีกวิธีที่ง่ายที่สุดคือ จับตัวผู้แยกแทน โดยแม่ไข่ยังอยู่บ่อเดิมเลี้ยงเดี่ยวต่อไป เน้นว่าห้ามส่อง ห้ามจับ ระหว่างการฟักตัวของไข่ และไข่จะเปลี่ยนสีจนเป็นกุ้งลงเดินจะใช้เวลาทั้งหมดรวม 30-45 วัน คับ
ที่ชอบตั้งคำถามว่า ..
#ทำไมกุ้งแม่ไข่ถึงสลัดไข่หมด ? ให้กลับไปถามที่ตัวผู้เลี้ยงคับว่า ชอบจับ ชอบส่อง ชอบรบกวนเค้ารึป่าว สิ่งเหล่านี้ล่ะคือปัญหาใหญ่ของการสลัดไข่ 100% และที่สำคัญที่สุดคือ มวลสาร และอุณหภูมิในน้ำและอากาศไม่สมดุจกัน การจับแม่ไข่ขึ้นเหนือน้ำสัมผัสกับอากาศคือเป็นสิ่งที่ผิด เหมือนอาการเดียวกับกุ้งน๊อคน้ำนั้นล่ะคับ #และจำไว้ว่าแม่ไข่ไม่กินไข่ตัวเองนะคับ นี่คือเรื่องจริง!
ขอขอบคุณ สุดยอดความรู้จากเฟสบุ๊ค คุณPete Peraphat
หรืออีกวิธีที่ง่ายที่สุดคือ จับตัวผู้แยกแทน โดยแม่ไข่ยังอยู่บ่อเดิมเลี้ยงเดี่ยวต่อไป เน้นว่าห้ามส่อง ห้ามจับ ระหว่างการฟักตัวของไข่ และไข่จะเปลี่ยนสีจนเป็นกุ้งลงเดินจะใช้เวลาทั้งหมดรวม 30-45 วัน คับ
ที่ชอบตั้งคำถามว่า ..
#ทำไมกุ้งแม่ไข่ถึงสลัดไข่หมด ? ให้กลับไปถามที่ตัวผู้เลี้ยงคับว่า ชอบจับ ชอบส่อง ชอบรบกวนเค้ารึป่าว สิ่งเหล่านี้ล่ะคือปัญหาใหญ่ของการสลัดไข่ 100% และที่สำคัญที่สุดคือ มวลสาร และอุณหภูมิในน้ำและอากาศไม่สมดุจกัน การจับแม่ไข่ขึ้นเหนือน้ำสัมผัสกับอากาศคือเป็นสิ่งที่ผิด เหมือนอาการเดียวกับกุ้งน๊อคน้ำนั้นล่ะคับ #และจำไว้ว่าแม่ไข่ไม่กินไข่ตัวเองนะคับ นี่คือเรื่องจริง!
ขอขอบคุณ สุดยอดความรู้จากเฟสบุ๊ค คุณPete Peraphat
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น